ความละเอียด อาร์เน่อ พา ลิเวอร์พูล เก็บชัยก่อนเจอ2เกมใหญ่

ศูนย์รวมทีเด็ดVIPจากบ้านผลบอล zeanstep 7m สปอร์ตพูล baanpolball สยามกีฬา สยามสปอร์ต ดูทีเด็ดฟุตบอล ทีเด็ดบอลวันนี้ ดูผลบอลเมื่อคืนนี้ การแข่งขันเกมส์เซียนบอลสุดแม่น สถิติเข้าติดต่อกัน20WINS ดูผลบอลสด ผลบอลย้อนหลัง3ปี โปรแกรมฟุตบอลประจำวัน ตารางบอลวันนี้ คืนนี้ พรุ่งนี้ เช็คราคาบอลวันนี้ ดูบอลออนไลน์ ชมไฮไลท์ฟุตบอลล่าสุดอัพเดททุกวัน ติดตามตารางคะแนนฟุตบอลทุกลีกดัง เลือกรับชมผลบอลสดได้5ช่องทางสำรอง ตารางบอลมีการรายงานผลบอลทันทีที่บอลแข่งจบ พร้อมแสดงใบเหลือง ใบแดง ทุกลีก ทุกคู่ ทั่วโลก ทีเด็ดบาส ทีเด็ดบอล เข้าบ้านผลบอลไม่ได้ แทงบาส แทงบอล
slotgame
Posts: 2571
Joined: Sun Jul 30, 2023 11:56 pm

ความละเอียด อาร์เน่อ พา ลิเวอร์พูล เก็บชัยก่อนเจอ2เกมใหญ่

Post by slotgame »

ลิเวอร์พูล สอบผ่านอีกครั้งกับโจทย์ที่ไม่ง่าย

ลิเวอร์พูล เยือน เซาธ์แฮมป์ตัน คู่ต่อสู้อาจจะดูเหมือนง่าย แต่ก็นั่นล่ะครับ ไม่มีอะไรที่ง่ายไปเสียทุกเรื่องหรอก

สถิติก่อนเตะกันที่เซนต์ แมรี่ส์ เมื่อคืนวันอาทิตย์นั้นตรงข้ามกันสุดขั้ว ลิเวอร์พูล คือจ่าฝูงเตะ 11 นัด ชนะ 9 เสมอ 1 แพ้ 1 ขณะที่เซาธ์แฮมป์ตันรั้งอันดับสุดท้ายของตาราง เตะ 11 นัดเหมือนกัน ชนะ 1 เสมอ 1 แพ้ 9

ผลบอล : ซาลาห์ เบิ้ล! ลิเวอร์พูล แซงดับ เซาธ์แฮมป์ตัน ก่อนดวลเรือใบ


เจอทั้ง ลิเวอร์พูล แมนยู! ส่องโปรแกรม แมนซิตี้ 10 นัดต่อไป


แมนซิตี้ ร่วง ลิเวอร์พูล จี๊ด!บ่อนปรับเต็งแชมป์ พรีเมียร์ลีก

ไม่น่ามีปัญหาอะไรใช่ไหมกับการคว้า 3 คะแนน.. ยิ่ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พลาดท่าแพ้ สเปอร์ส ไปตั้งแต่วันเสาร์ด้วยก็ยิ่งน่าจะเพิ่มความฮึกเหิม โอกาสฉีกหนีเรือใบสีฟ้าออกไปอีกมาถึงแล้ว

กระนั้นมันก็ไม่ใช่วันที่ง่ายอยู่ดี เซาธ์แฮมป์ตัน เตรียมตัวมาอย่างเต็มที่ วางกำลังในเกมรับไว้แน่น เล่นอย่างอดทน และอาศัยจังหวะสวนกลับตอบโต้

ด้วยคุณภาพในภาพรวมเป็นรองอยู่แล้ว ทีมนักบุญจึงต้องสู้อย่างระวังที่สุด ช่วยกันเล่น ช่วยกันขยับตัวปิดพื้นที่ รักษาสมาธิ พยายามปิดช่องว่างไม่ให้ลิเวอร์พูลมีช่องเจาะเข้าทำ และโต้กลับเล่นงานเมื่อมีจังหวะ

เจ้าถิ่นทำได้ดี วิ่งกันเยอะ ใช้พลังกันไปมาก และมีผลต่อความโรยราในช่วง 20 นาทีสุดท้ายของเกมที่สุดท้ายก็ยันการโหมบุกของอาคันตุกะไม่อยู่

เซาธ์แฮมป์ตันแพ้ไปแบบน่าชื่นชมในการต่อสู้และกัดฟันสู้ ส่วนลิเวอร์พูลชนะแบบหืดขึ้นคอแต่เดินหน้าต่อด้วยระยะห่างจากผู้ตามที่มากกว่าเดิม

จาก 5 แต้ม เป็น 8 แต้ม เข้าสู่เกมใหญ่ที่สุดที่รออยู่ในวันอาทิตย์หน้าด้วยสถานการณ์ที่ดี

---------------

เกมเยือนเซนต์ แมรี่ส์ อาร์เน่อ ชล็อต ทำให้เห็นอีกครั้งถึงความละเอียดตั้งแต่การจัดตัวผู้เล่น

นักเตะที่เดินทางกลับมาจากเกมทีมชาติฝั่งอเมริกาใต้ มาไกลกว่าคนอื่น ถึงช้ากว่าคนอื่น ได้พักน้อยกว่าคนอื่น ถูกจับนั่งข้างสนามทั้ง หลุยส์ ดิอาซ แห่งโคลอมเบีย และ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ จากอาร์เจนติน่า มีเพียง ดาร์วิน นูนเญซ ของอุรุกวัยคนเดียวที่ได้ออกสตาร์ตเป็นตัวจริง

อาจเป็นการเรียนรู้ร่วมกันส่วนหนึ่ง ประกอบไปกับเหตุผลปัจจัยอื่น ๆ

ก่อนเตะเกมนี้ ลิเวอร์พูล ลงเล่นเกมลีกหลังโปรแกรมทีมชาติมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกคือเดือนกันยายน แพ้ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ คาถิ่น ครั้งที่สองคือเดือนตุลาคม ชนะ เชลซี ที่แอนฟิลด์

ในครั้งแรกทั้ง ดิอาซ และ แม็ค อัลลิสเตอร์ บินข้ามทวีปกลับมาแล้วก็ลงเล่นเป็นตัวจริงให้ลิเวอร์พูลต่อทันทีในเกมเจอ ฟอเรสต์ ขณะที่ดาร์วินติดโทษแบนไม่ต้องเดินทางไปเล่นให้อุรุกวัยมีชื่อเป็นแค่ตัวสำรอง

ผลไม่น่าประทับใจนักทั้ง ดิอาซ และ แม็คก้า สร้างอิทธิพลต่อเกมไม่ได้ต้องถูกเปลี่ยนตัวออกตั้งแต่หนึ่งชั่วโมงของเกมทั้งคู่ ลงเอยด้วยการจบเห่แพ้เจ้าป่าต่อหน้าเดอะค็อป

มาครั้งที่สอง ชล็อต ก็ปรับแล้ว เกมเฉือนชนะเชลซี ทั้ง ดิอาซ ดาร์วิน และ แม็ค อัลลิสเตอร์ ที่ไปเตะคัดบอลโลกโซนอเมริกาใต้กลับมาถูกจับนั่งสำรองเรียบวุธ

ดาร์วินถูกส่งลงสนามตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรกของเกมเพราะ ดีโอโก้ โชต้า เจ็บ ดิอาซลงเล่นนาทีที่ 66 ส่วนแม็ค อัลลิสเตอร์ ลงสนามช่วง 10 นาทีสุดท้าย

ผมตั้งข้อสังเกตว่า ชล็อต น่าจะปรับรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ตรงนี้ และเมื่อดูจากการจัดตัวในเกมล่าสุด มันก็มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นอย่างนั้นจริง ๆ

ด้วยข้อจำกัดเรื่องกองหน้า ดาร์วิน อาจจะมีชื่อเป็นตัวจริงในเกมเยือนเซาธ์แฮมป์ตัน แต่เพื่อนร่วมทวีปทั้ง ดิอาซ และ แม็ค อัลลิสเตอร์ เริ่มเกมด้วยการเป็นตัวสำรองทั้งคู่

แน่นอนครับขุมกำลังที่ใหญ่พอมีคนสามารถเล่นทดแทนกันได้เป็นเหตุผลสำคัญ โกดี้ คักโป สามารถเล่นในตำแหน่งของดิอาซได้ เคอร์ติส โจนส์ ก็สามารถเล่นในตำแหน่งของแม็ค อัลลิสเตอร์ได้

รายของ แม็ค อัลลิสเตอร์ ยังน่าจะมีเหตุผลซ่อนเร้นมากไปกว่านั้นอีกคือกองกลางทีมชาติอาร์เจนติน่ามีใบเหลืองติดตัวสะสมมา 4 ใบแล้ว ถ้าได้รับเพิ่มอีกใบก่อนเกมที่ 19 ของฤดูกาลเขาจะติดโทษแบน 1 นัดทันทีตามกฎของพรีเมียร์ลีก

เกมต่อไปคือเกมสำคัญกับ แมนซิตี้ ชล็อตต้องการนักเตะที่พร้อมให้เขาเลือกใช้มากที่สุด การลงเล่นตั้งแต่ต้นเกมในครั้งนี้จึงอาจเป็นความเสี่ยงสำหรับรายของแม็คก้า ไม่รวมถึงความเหนื่อยล้าจากการเดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกกลับมาสโมสร

ขุมกำลังของ ลิเวอร์พูล ยังขับเคลื่อนได้ดี โจนส์, ไรอัน กราเฟนแบร์ก และ โดมินิก โซโบซไล ในแดนกลาง คักโป , นูนเญซ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ในแดนหน้า ควบคุมเกมและครองบอลบุกเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่สามารถส่งบอลเข้าไปสู่ก้นตาข่ายได้

เกมรับเจอทดสอบอยู่เหมือนกันจากการโต้กลับของเจ้าถิ่น ฟูลแบ๊กทั้ง 2 ฝั่งในเกมนี้ไม่โดดเด่นเท่าไหร่ทั้ง แอนดี้ โรเบิร์ตสัน และ คอเนอร์ แบร๊ดลี่ย์ ที่ได้โอกาสลงสนามแทน เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่เจ็บ ปกติแล้วทั้งคู่จะมีเกมที่ดุดันกว่านี้

การบีบกดดันแดนบนของ ลิเวอร์พูล ยังทำได้ดี สร้างปัญหาให้การขึ้นเกมของเซาธ์แฮมป์ตันไม่น้อย ประตูขึ้นนำ 1-0 จาก โซโบซไล ก็มาจากการกดดันถึงในเขตโทษจน อเล็กซ์ แม็คคาร์ธี่ นายทวารนักบุญออกบอลลังเลเป็นที่มาของการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่ผิดพลาดของ ฟลินน์ ดาวน์ส เตะบอลไปเข้าเท้ากองกลางฮังกาเรียนยิงสวนเข้าไป

แต่ในเกมฟุตบอลไม่มีชนะคะแนน มีแต่ชนะน็อก แพ้น็อก หรือไม่ก็เสมอกัน เมื่อลิเวอร์พูลผิดพลาดบ้างก็เป็น เซาธ์แฮมป์ตัน ลงโทษได้อย่างถนัดถนี่ ประตูตีเสมอ 1-1 ท้ายครึ่งแรกจากการเสียบอลแถวกลางสนาม ขณะที่ประตูแซงนำ 2-1 หลังผ่านครึ่งหลังไป 11 นาทีก็มาจากการเล่นโต้กลับหลังแย่งบอลได้

จากเกมที่ดีกว่า เหนือกว่า สร้างโอกาสได้มากกว่า และมีประตูขึ้นนำ เผลอแค่พริบตา ลิเวอร์พูลกลับเป็นฝ่ายตามหลังเสียแล้ว ที่ยิ่งน่าสนใจไปกว่านั้นก็คือครั้งนี้ไม่มีช่วงพักครึ่งให้ ชล็อต ได้แก้เกมทำความเข้าใจกับลูกทีม ทั้งหมดต้องจัดการกันหน้างาน

ดิอาซ กับ แม็ค อัลลิสเตอร์ ถูกส่งลงสนามทันทีหลังเสียประตูที่สองไม่นาน คนที่ถูกถอดออกคือ คักโป กับ โจนส์

มันเป็นการเปลี่ยนตัวตามตำแหน่งเพราะด้วยรูปเกมไม่มีปัญหาอะไร ยังครองเกมได้ ยังครองบอลได้ เพียงแต่เพิ่มความสดและความดุดันลงไป

การเปลี่ยนตัวของ ชล็อต ทำได้ละเอียดและมีเป้าหมายเสมอ ลองเปรียบเทียบกับการเปลี่ยนตัวในเกมแซงชนะ ไบรท์ตัน ช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนดูก็จะเห็นชัดในเรื่องนี้

ในเกมนั้นถึงนาที 66 แล้วทีมยังตามหลัง 0-1 และรูปเกมไม่ได้ขี่กันแบบพับสนามบุก ชล็อต เปลี่ยนตัวแบบกล้าได้กล้าเสียถอด แม็ค อัลลิสเตอร์ กับ โซโบซไล ออกแล้วส่ง โจนส์ กับ ดิอาซ ลงไป

เป็นการเปลี่ยนกองกลางออก 2 คนแล้วส่งกองกลางกับกองหน้าลงไปตำแหน่งละคน พร้อมปรับแท็คติกจาก 4-2-3-1 เป็น 4-2-4 ยัด ดิอาซ ยืนกองหน้าคู่กับ ดาร์วิน ผลออกมาคือการยิง 2 ประตูใน 2 นาทีแซงนำ 2-1 โดย โจนส์ เป็นคนทำแอสซิสต์ให้ ซาลาห์ ยิงประตูที่สอง

หลังยิงแซง 2-1 (นาทีที่ 72) แค่ห้านาที วาตารุ เอนโด ก็ถูกส่งลงไปแทน ดาร์วิน ชล็อต ปรับระบบคืนมาเป็น 4-2-3-1 อีกครั้งเพื่อความสมดุลก่อนจะปิดเกมเก็บสามคะแนนได้สำเร็จ

ทั้ง 2 เกมนี้ทีมต้องการยิง 2 ประตูเพื่อแซงกลับมาชนะเหมือนกัน เป็นสถานการณ์ที่ต้องตัดสินใจหลังครึ่งหลังเล่นไปแล้วเหมือนกัน แต่ใช้วิธีการไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับรูปเกมและสถานการณ์ของเกม ณ เวลานั้น

กับไบรท์ตัน เกมไม่ดี ต้องเสี่ยงปรับแท็คติก ลดกองกลาง เพิ่มกองหน้า

กับเซาธ์แฮมป์ตัน เกมไม่มีปัญหา ยังคุมได้ ครองบอลได้ สร้างโอกาสได้ เขาก็แค่เพิ่มความสดลงไป เติมความดุลงไป เร่งเกมให้เร็วขึ้น โหมใส่ด้วยจังหวะลุยไม่ยั้งในช่วงที่พละกำลังของฝ่ายตรงข้ามเริ่มโรยรา

การชั่งน้ำหนักความสมดุลเป็นเรื่องสำคัญ ผมคิดว่า ชล็อต บริหารตรงนี้ได้ดี เวลาไหนควรเปลี่ยน เวลาไหนควรปรับ เขาทำได้ค่อนข้างจะถูกต้องในแต่ละสถานการณ์ ไม่ลนลานรีบร้อนเอาแต่จะส่งกองหน้าลงไปเพื่อทำประตู

เพราะการเปลี่ยนตัวเพื่อทำประตูไม่จำเป็นต้องส่งกองหน้าลงไปสถานเดียว การรักษาโมเมนตัมของเกมเอาไว้รวมทั้งเวลาที่เหลืออยู่เป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน

แล้ว ลิเวอร์พูล ก็ลงโทษเซาธ์แฮมป์ตันได้จริง ๆ ด้วยกำลังที่เหนือกว่า นักเตะหงส์ฟิตพอที่จะเล่นในจังหวะเร่งเร้าได้ในช่วงชี้เป็นชี้ตาย 10 นาทีสุดท้าย 15 นาทีสุดท้าย บอลไดเร็กต์ยังคงเป็นอาวุธที่ได้ผลเสมอ ประตู 2-2 ที่ กราเฟนแบร์ก วางบอลทีเผลอให้ ซาลาห์ วิ่งไปจิ้มผ่าน อเล็กซ์ แม็คคาร์ธี่ย์ ก็เป็นอย่างนั้น

25 นาทีสุดท้ายหลังได้ประตูตีเสมอ 2-2 คือความสนุกตื่นเต้น เรี่ยวแรงของเซาธ์แฮมป์ตันหายไปมากแล้วถูกกดให้ต้องรับฝ่ายเดียว สุดท้ายทำนบก็พังอีกหนจากการทำแฮนด์บอลของ ยูกินาริ ซึกาวาระ ที่บอลเจ้ากรรมรูดไปตามการพักอกไล่ตามแขนไปถึงมือ ด้วยท่าทางที่กางแขนออกแถมยังสะบัดมือตบบอลปิดท้าย

มันก็รอดยากที่จะไม่เสียจุดโทษ และซาลาห์ก็เป็นคนสังหารเข้าไป เป็นประตูชัยให้ทีมแซงชนะ 3-2 มันเกิดขึ้นก่อนหมดเวลาแค่ 7 นาที

ลิเวอร์พูล พุ่งไปข้างหน้าต่ออย่างไม่หยุดยั้ง หลังแพ้ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ในเกมที่ 4 ของฤดูกาล ชล็อต พาทีมชนะ 8 นัดรวด คั่นด้วยเสมออาร์เซน่อลที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม แล้วต่อด้วยการชนะอีก 5 นัดรวดรวมเกมนี้

เท่ากับว่านับตั้งแต่แพ้ฟอเรสต์เมื่อกลางเดือนกันยายน ลิเวอร์พูลลงเตะไปแล้ว 14 เกมในทุกรายการ ผลชนะ 13 เสมอ 1..

รวมเตะ 18 เกมทุกรายการซีซั่นนี้ ชนะ 16 เสมอ 1 แพ้ 1

12 เกมในพรีเมียร์ลีก ชนะ 10 เสมอ 1 แพ้ 1 ทิ้งห่าง แมนซิตี้ อันดับสอง 8 คะแนน

ลิเวอร์พูล ก้าวเข้าสู่เกมใหญ่ในสัปดาห์นี้ทั้ง เรอัล มาดริด วันพุธ และทีมเรือใบสีฟ้าวันอาทิตย์ด้วยกำลังใจที่ดี ความเชื่อและความมั่นใจกำลังปกคลุมไปทั่วแอนฟิลด์จริง ๆ

https://udm88.net/
สล็อต365 UFA365 แทงบอล365
UFA365 UFA DIAMOND สมัครฟรี คลิ๊กเลย ➢ https://member.ufadm8.com/register.php
สอบถามเพิ่มเติม 🆔 𝙇𝙄𝙉𝙀 : https://lin.ee/QJ7cl29