กลุ่ม อี ของศึก ยูโร 2024 มีโอกาสที่จะมี 4 แต้มเท่ากันทั้ง 4 ทีม ซึ่งอันดับของกลุ่มจะแตกต่างกันไปตามสถานการณ์ต่างๆ

รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม อี ของศึก ยูโร 2024 ถือว่าเป็นกลุ่มที่น่าสนใจอย่างมากกับการลงเล่นนัดสุดท้าย เพราะปัจจุบันทั้ง 4 ทีมมี 3 คะแนนเท่ากัน ทำให้ทั้งหมดต่างก็ยังมีโอกาสที่จะผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายได้ทั้งนั้น

สำหรับโปรแกรมสุดท้ายของกลุ่มนี้จะเป็นการเจอกันระหว่าง สโลวาเกีย กับ โรมาเนีย และ เบลเยียม กับ ยูเครน ซึ่งหากทั้ง 2 เกมจบลงด้วยการเสมอกันมันก็จะทำให้พวกเขามี 4 แต้ม ส่งผลให้การจัดอันดับเพื่อหาทีมเข้าสู่รอบต่อไปอาจจะวุ่นวายพอตัว โดยรูปแบบการจัดอันดับในสถานการณ์ต่างๆ จะเป็นไปตามนี้

– ถ้าเกิดทั้ง 2 เกมเสมอด้วยสกอร์เดียวกัน หรือถ้าเกิดคู่ระหว่าง เบลเยียม กับ ยูเครน เสมอด้วยสกอร์ที่น้อยกว่าคู่ของ สโลวาเกีย กับ โรมาเนีย มันก็จะจัดอันดับด้วยผลต่างประตู-ได้เสีย กับประตูที่ทำได้ ซึ่งอันดับจะเรียงตามนี้

1. โรมาเนีย

2. เบลเยียม

3. สโลวาเกีย

4. ยูเครน

– ถ้าเกิด คู่ระหว่าง เบลเยียม กับ ยูเครน เสมอกัน 1-1 ส่วน สโลวาเกีย กับ โรมาเนีย เสมอกัน 0-0 หรือจบลงด้วยสกอร์แบบไหนก็ตามที่ เบลเยียม ยิงได้มากกว่า โรมาเนีย 1 ลูก มันก็จะทำให้ทั้ง เบลเยียม กับ โรมาเนีย มีทั้งผลต่างประตูได้-เสีย กับประตูที่ทำได้เท่ากัน ทำให้ต้องเอากฎเฮดทูเฮดเฉพาะคู่ของ เบลเยียม กับ โรมาเนีย มาใช้เป็นเกณฑ์ตัดสินตามกฎข้อ 20.01d  ซึ่งอันดับจะเรียงตามนี้

1. เบลเยียม

2. โรมาเนีย

3. สโลวาเกีย

4. ยูเครน

ทั้งนี้ เนื่องจากในเกมที่ เบลเยียม กับ โรมาเนีย เจอกันเองนั้น เบลเยียม เป็นฝ่ายชนะไป 2-0

– ถ้าเกิดทั้ง 2 คู่เสมอกัน แต่ เบลเยียม ยิงได้มากกว่า โรมาเนีย 2 ลูกหรือมากกว่านั้น อันดับจะเรียงตามนี้

1. เบลเยียม

2. โรมาเนีย

3. สโลวาเกีย

4. ยูเครน

ทั้งนี้ เนื่องจาก เบลเยียม จะมีจำนวนประตูได้เยอะกว่า โรมาเนีย

สถานการณ์ในปัจจุบันของกลุ่ม อี
อันดับ
ชนะ
เสมอ แพ้
ประตูได้
ประตูเสีย
ผลต่างประตูได้-เสีย
แต้ม
1. โรมาเนีย
1
0
1
3
2
+1
3
2. เบลเยียม
1
0
1
2
1
+1
3
3. สโลวาเกีย
1
0
1
2
2
0
3
4. ยูเครน
1
0
1
2
4
-2
3

ลำดับความสำคัญในการจัดอันดับของศึก ยูโร รอบแบ่งกลุ่ม ในกรณีที่มีอย่างน้อย 2 ทีมที่มีแต้มเท่ากันเมื่อรอบแบ่งกลุ่มเตะกันครบแล้ว

1. ทีมที่เก็บแต้มจากเกมที่เจอกันเองได้มากกว่าจะมีอันดับดีกว่า

2. ทีมที่มีผลต่างประตูได้-เสียดีกว่า จากเกมที่เจอกันเองจะมีอันดับดีกว่า

3. ทีมที่ทำประตูได้มากกว่าจากเกมที่เจอกันเองจะมีอันดับดีกว่า

4. ถ้าเกิดใช้เกณฑ์ตามข้อ 1-3 แล้วยังตัดสินอันดับไม่ได้ มันก็จะต้องเอาเกณฑ์ตามข้อ 1-3 มาใช้ใหม่ โดยหนนี้จะใช้แค่กับเกมระหว่างทีมที่ยังมีทุกอย่างเท่ากันอยู่ โดยถ้ามันยังตัดสินไม่ได้อีก มันก็จะต้องจัดอันดับด้วยเกณฑ์ข้อ 5-9

5. ทีมที่มีผลต่างประตูได้-เสีย ดีกว่า เมื่อนับรวมทุกเกมในรอบแบ่งกลุ่มจะมีอันดับดีกว่า

6. ทีมที่ทำประตูได้มากกว่า เมื่อนับรวมทุกเกมในรอบแบ่งกลุ่มจะมีอันดับดีกว่า

7. ถ้าในนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มนั้น 2 ทีมที่เจอกันเองในเกมนั้นๆ มีแต้มเท่ากัน, ผลต่างประตูได้-เสียเท่ากัน และมีจำนวนประตูที่ทำได้เท่ากัน ทั้งคู่ก็ต้องมาตัดสินผู้ชนะด้วยการดวลจุดโทษ

8. ทีมที่มีแต้มการลงโทษด้านวินัยน้อยกว่าจะมีอันดับดีกว่า (แต้มด้านวินัยจะมาจากเรื่องใบเหลืองใบแดง โดยการโดนใบเหลืองจะ = 1 แต้ม, การโดนใบแดงจะ = 3 แต้ม ไม่ว่าจะเป็นการโดนใบแดงโดยตรงหรือ 2 ใบเหลือง, การโดนใบเหลืองแล้วตามด้วยใบแดงโดยตรงในเกมเดียวกันจะ = 4 แต้ม)

9. ทีมที่มีอันดับดีกว่าในตารางคะแนนโดยรวมของศึก ยูโร รอบคัดเลือก ในครั้งนั้นๆ จะมีอันดับดีกว่า นอกจากว่าชาติเจ้าภาพจะมีเอี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย โดยหากเป็นแบบนั้นมันจะต้องทำการจับสลากแทน

UFA365 เว็บพนันออนไลน์

UFA365 เว็บพนันออนไลน์


สล็อต365 UFA365 แทงบอล365
UFA365 สมัครฟรี คลิ๊กเลย ➢ https://ufa365d.ibetauto.com/ufa365d/ufabet/register
สอบถามเพิ่มเติม 🆔 𝙇𝙄𝙉𝙀 : @ufa365d