ย้อนกลับไปในฤดูกาล 2017/18

แมนยูไนเต็ด จากการทำงานของ โชเซ่ มูรินโญ่ เสียประตูในพรีเมียร์ลีกไปแค่ 28 ประตู เท่านั้น

จัดเป็นฤดูกาลที่เสียประตูน้อยที่สุดในยุคหลัง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน วางมือ

เซ็นเตอร์แบ็คของปีศาจแดงในซีซั่นนั้น ประกอบด้วย คริส สมอลลิ่ง, ฟิล โจนส์, เอริค ไบยี่, วิคตอร์ ลินเดเลิฟ และ มาร์กอส โรโฮ ที่สลับกันลงคู่กันตามสถานการณ์

มิดฟิลด์ตัวรับคือ เนมานย่า มาติช

แต่เหตุผลที่ แมนยูไนเต็ด เสียประตูน้อยที่สุดเป็นอันดับ 2 ของพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนั้น มิได้มาจากการมีปราการหลังที่ภูผาหินอะไร

มันมาจากวิธีการเล่นที่เจ้าพ่อรถบัสอย่าง ‘เฮียมู’ ติดตั้งให้ลูกทีม

นั่นคือการเล่นอันรัดกุม และระมัดระวังอย่างจงหนัก พลางเน้นผลการแข่งขันเป็นสำคัญ

วิธีการเล่นแบบนั้นช่วยลดความเสี่ยงในการเสียประตูได้มากขึ้นจริงๆ โชเซ่ มูรินโญ่ ให้ความสำคัญกับเกมรับเป็นหลัก

เมื่อเกมรับมีความมั่นคง เกมรุกก็จะตามมาเอง

แมนยูไนเต็ด จบฤดูกาลด้วยอันดับ 2 ของตาราง โดยสะสมได้ถึง 81 แต้ม

ทว่าฤดูกาลต่อมา ด้วยการบริหารงานที่เฮงซวยของทีมงานหลังบ้าน

กุนซือจอมอหังการกลับไม่ได้ผู้เล่นใหม่มา ‘ต่อยอด’ ตามที่ตัวเองต้องการ…ซะอย่างนั้น !!!

ผู้เล่นใหม่ที่ถูกดึงมาเสริมทัพในฤดูกาล 2018/19 คือ ดิโอโก้ ดาโลต์, เฟร็ด และนายทวารมือ 3 อย่าง ลี แกรนต์

แทนที่จะฉวยโอกาสเพิ่มขนาดของทีมให้แข็งแกร่งขึ้นด้วยผู้เล่นระดับอ๋องตามที่ผู้เป็นกุนซือต้องการ  หน่วยเหนือของ แมนยูไนเต็ด ดันคิดว่า…

โชเซ่ มูรินโญ่ ผลาญเงินไปเยอะแล้ว และไอ้ที่มีอยู่ก็น่าจะเพียงพอแล้ว

ผลงานของ แมนยูไนเต็ด จมดิ่งลงไปอีกครั้ง ก่อนที่ ‘มูมู่’ จะถูกปลดออกจากตำแหน่งไปตามระเบียบ

ถามว่าผมย้อนอดีตถึงเรื่องนี้ทำไม ???

อืมมมมมม…นะ

ตลอดทั้งฤดูกาลที่แล้ว แมนยู มีปัญหาการบาดเจ็บของกองหลังจนต้องสลับคู่เซ็นเตอร์แบ็คทุกสัปดาห์ มิดฟิลด์ตัวรับอย่าง กาเซมิโร่ ก็อยู่ในสภาพโรยรา และรับภาระหนักมากเกินไป

แมนยู ถูกคู่แข่งอัดกระหน่ำไปถึง 58 ประตูในพรีเมียร์ลีก แถมยังถูกคู่แข่งบุก ‘ล่อเป้า’ เฉลี่ยเกมละมากกว่า 15 ครั้ง

ตัดกลับมาที่ฤดูกาลปัจจุบัน

สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจนคือพวกเขาไม่ถูกคู่แข่ง ‘ล่อเป้า’ เหมือนเดิมอีกแล้ว

5 นัดที่ผ่านมา เสียไป 5 ประตู แต่ ‘คลีนชีต’ ได้ 3 นัด โดยค่าเฉลี่ยในการถูกคู่แข่ง ‘ล่อเป้า’ ลดจำนวนลงอย่างฮวบฮาบ

ครึ่งแรกของเกมล่าสุด คริสตัล พาเลซ มีโอกาสยิงเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น

ถามว่าเพราะอะไร ???

1. มันมาจากวิธีการเล่นที่ เอริค เทน ฮาก วางลงไป ด้วยการให้ลูกทีมเล่นเกมรับตั้งแต่แดนบนพลางบดบี้เกมตรงกลางจนถูกคู่แข่งจู่โจมถึงพื้นที่สุดท้ายน้อยลง

ต่อเมื่อเป็นฝ่ายครองบอลก็จะเล่นช้าๆ อย่างระมัดระวัง โดยเน้นความแน่นอนมากขึ้น ผู้เล่นไม่เสียตำแหน่งมาก เพื่อลดความเสี่ยงในการเสียบอลแล้วถูกโต้กลับฉับพลัน

ย้อนกลับไปในช่วง 20 นาทีสุดท้ายของเกมล่าสุด แทนที่จะโหมเกมรุกบุกแหลก เพื่อพิฆาตคู่แข่งให้แดดิ้น แมนยูไนเต็ด หันกลับมาเล่นแบบเพลย์เซฟ เหมือนพึงพอใจกับการไม่แพ้มากไปจนถูกวิพากษ์ วิจารณ์อย่างหนักว่า…ปอดแหก

เอริค เทน ฮาก ปอดแหกจริงๆ นั่นแหละ แต่ผมเข้าใจเขาในจุดนี้นะครับ เพราะเกมรุกของ ดิ อีเกิ้ลส์ เริ่มน่ากลัวและคุกคามมากขึ้นเรื่อยๆ

เพื่อป้องกันความผิดพลาด

ว่าแล้วขอไม่เสียประตูเอาไว้ก่อนดีกว่า 5555

2. แมนยู มีคู่ปราการหลังที่แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ผมหมายถึง มาต์ไตส์ เดอ ลิกต์ กับ ลิซานโดรมาร์ติเนซ นอกจากนี้บนม้านั่งสำรองยังมี แฮร์รี่ แม็กไกวร์ อีกคน

การหาคู่เซ็นเตอร์ฯ ที่เข้าขาและรู้ใจกันแล้วใช้อย่างต่อเนื่องช่วยให้เกมรับแข็งแกร่งขึ้นได้จริงๆ ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าปราการหลังชาวดัตช์ และเจ้าของสมญา ‘คนหั่นเนื้อ’ ช่วยสกัดจังหวะสำคัญที่ชี้เป็นชี้ตายได้หลายต่อหลายครั้งใน 2 นัดล่าสุดที่ไม่เสียประตู

ณ ตอนนี้ เกมรับของ แมนยูไนเต็ด ดีขึ้นจริงๆ จากทั้งสิ่งที่เห็นด้วยสายตา รวมถึงสถิติเป็นตัวเลข

เมื่อเกมรับมั่นคงยิ่งขึ้น เดี๋ยวเกมรุกที่ดีก็จะตามมาเอง (หวังว่านะ) ซึ่งปัญหาของ แมนยู ในฤดูกาลนี้คือการใช้โอกาสที่สิ้นเปลืองมากไปไม่หน่อยจนสถิติบอกว่าพวกเขาเป็นทีมที่พลาดโอกาสทองมากที่สุด (17 ครั้ง)

ฉะนั้น & ฉะนี้

ผมจึงอยากให้บรรดาเด็กผีที่รู้สึกละเหี่ยใจกับวิธีการเล่นที่ ‘ปอดแหก’ มากเกินไปของปีศาจแดงลองมองโลกในแง่ดีว่าสิ่งที่ เอริค เทน ฮาก กำลังทำเป็นอันดับแรกคือขันเกมรับให้แน่นหนา เพื่อลดทอนการถูกล่อเป้า เช่นเดียวกับลดทอนความผิดพลาดส่วนบุคคล

เดี๋ยวเกมรุกที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นก็น่าจะตามมาเอง

หน้าแรก


สล็อต365 UFA365 แทงบอล365
UFA365 UFA DIAMOND สมัครฟรี คลิ๊กเลย ➢ https://member.ufadm8.com/register.php
สอบถามเพิ่มเติม 🆔 𝙇𝙄𝙉𝙀 : https://lin.ee/QJ7cl29