ในที่สุด ทีมชาติ อังกฤษ ก็ไปไม่ถึงฝั่งฝัน และคว้าตำแหน่งพระรองคล้องคออีกครั้งเมื่อพ่ายต่อ สเปน 2-1 ในเกมชิงชนะเลิศ ยูโร 2024 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 ก.ค.ปิดฉากการชิงชัยด้วยความผิดหวังอีกตามเคย แต่ขณะเดียวกันทีม กระทิงดุ แสดงให้เห็นว่าพวกเขาเป็นทีมที่ดีกว่าทั้งในแง่ของรูปเกมในสนาม ตลอดจนการเล่นแบบเอนเตอร์เทนผู้ชมซึ่งถือเป็นเรื่องสมควรแล้วที่กุนซือ หลุยส์ เด ลา ฟวนเต้ จะได้รับชัยชนะ ขณะที่ แกเร็ธ เซาธ์เกต ต้องหลบไปเลียแผลใจสักพักก่อนตัดสินใจถึงอนาคตของตัวเอง

1. กระทิงสลับโผตัวจริงสองตำแหน่ง

สเปน แสดงความมั่นใจเต็มเปี่่ยมด้วยการประกาศรายชื่อนักเตะ 11 คนแรกออกมาก่อนกำหนดล่วงหน้าถึงครึ่งชั่วโมง

หลุยส์ เด ลา ฟวนเต้ นายใหญ่ทีม กระทิงดุ ปรับโผสองรายตามความคาดหมายจากเกมรอบตัดเชือกที่ชนะ ฝรั่งเศส โดย ดานี่ การ์บาฆาล กับ โรแบ็ง เลอ นอร์กม็องด์ พ้นโทษแบนกลับมาคุมแผงหลังตามเดิม

ต่อกรณีดังกล่าว ส่งผลให้ เฆซุส นาบาส กองหลังจอมเก๋าซึ่งประกาศรีไทร์จากทีมชาติหลังจบเกมนี้หล่นไปรับบทตัวสำรองเช่นเดียวกับ นาโช่

ขณะเดียวกัน กัปตันทีม อัลบาโร่ โมราต้า ฟิตลงเล่นเป็นตัวจริงได้ตามคาด พร้อมสร้างสถิติเป็นนักเตะ กระทิงดุ ที่ลงบู๊เกม ยูโร มากที่สุดของประเทศเป็นนัดที่ 17 ส่วน ลามีน ยามาล ดาวรุ่งพุ่งแรงมีอายุครบ 17 ปีเต็มแล้วหลังได้ฉลองวันเกิดเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาได้ชื่อว่าเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ได้เล่นนัดชิง ยูโร ทำลายสถิติของ เรนาโต้ ซานเชส ในวัย 18 ปี 327 วันนัดที่ โปรตุเกส ฉะกับ ฝรั่งเศส ในปี 2016

รวมเบ็ดเสร็จเจ็ดนัดในรายการนี้ เด ลา ฟวนเต้ ใช้บริการโผ 11 คนแรกชุดนี้ทำศึกมากถึงสามนัด

2. สิงโต ส่ง ชอว์ ออกสตาร์ตเกมแรก

ด้านทีมชาติ อังกฤษ ซึ่งเผยรายชื่อนักเตะก่อนเกมหนึ่งชั่วโมงตามปกติปรับโผอีกรอบตามที่สื่้อเผยโดย แกเร็ธ เซาธ์เกต ตัดสินใจส่ง ลุค ชอว์ ลงเล่นเป็นตัวจริงเกมแรกของทัวร์นาเมนต์อย่างที่แฟนบอลปรารถนา

แรกทีเดียว มีข่าวหลุดยืนยันว่าทีมเมืองผู้ดีจะยังใช้บริการ คีแรน ทริปเปียร์ เป็นแบ็คซ้ายจำเป็นอย่างต่อเนื่องอีกเกม แต่สุดท้ายกระแสข่าวยืนยันว่ากุนซือ ทรี ไลอ้อนส์ เปลี่ยนใจใช้งานแบ็คซ้ายทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ออกสตาร์ต นอกนั้นอีกสิบชีวิตล้วนเป็นนักเตะหน้าเดิมทั้งสิ้น

เท่ากับว่า ชอว์ ลงเล่นเป็นตัวจริงเกมแรกนับตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ. โดยเกมล่าสุดที่เขาลงบู๊ให้กับทีม สิงโตคำราม ต้องย้อนกลับไปถึงเดือนมิ.ย.2023

ขณะเดียวกัน เมื่อเทียบกับทีมตัวจริงในเกมชิงชนะเลิศ ยูโร หนก่อน เซาธ์เกต ยังมีนักเตะมากถึงครึ่งโหลออกสตาร์ตเกมนี้ทั้ง จอร์แดน พิคฟอร์ด , ไคล์ วอล์คเกอร์ , ชอว์ , เดแคลน ไรซ์ , จอห์น สโตนส์ และ แฮร์รี่ เคน ขณะที่ บูคาโย่ ซาก้า ตัวสำรองคราวก่อนได้ออกสตาร์ตเกมนี้

นอกจากนี้ มีเรื่องน่าทึ่งเช่นกันเนื่องจาก อังกฤษ เป็นชาติแรกของทั้งศึก ยูโร และ ฟุตบอลโลก ที่ผ่านการดวลเกือกกับทีมคู่แข่งที่มีชื่อประเทศขึ้นต้นด้วยตัวอักษร s ในทัวร์นาเมนต์เดียวกันมากที่สุดถึงห้ารายทั้ง เซอร์เบีย , สโลวีเนีย , สโลวาเกีย ,สวิตเซอร์แลนด์ และ สเปน

3. ครึ่งแรก ยามาล เจอทางตัน

แม้จะเพิ่งฉลองวันเกิดอายุ 17 ปีเต็มมาหมาดๆ แต่ ยามาล ต้องเจอกับเกมที่น่าอึดอัดที่สุดของเขาในทัวร์นาเมนต์นี้เลยก็ว่าได้แม้หลายเกมที่ผ่านมาเขาจะโชว์ฟอร์มได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ แต่เมื่อต้องขับเคี่ยวกับ ชอว์ สตาร์ทีม บาร์เซโลน่า ก็ถึงกับไปไม่เป็น และทำให้เกมรุกทางด้านขวาของทีม กระทิงดุ ตีบตันตลอดครึ่งแรก

ปฏิเสธไม่ได้ว่าแม้ ยามาล จะเก่งเกินอายุ และมีความสามารถสูงเกินกว่าเด็กในวัยเดียวกัน แต่ประสบการณ์เป็นสิ่งที่เขาต้องใช้เวลาสั่งสมต่อโดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ และในเมื่อเจ้าหนูทำเกมรุกทางกราบขวาได้ไม่ดีพอ อังกฤษ จึงรับมือ สเปน ได้อย่างไม่มีปัญหาแม้จะเป็นรองในด้านการครองบอลมากถึง 69.2%:30.8% ตลอด 45 นาทีแรก

สำหรับโอกาสทำเสียวของทั้งสองฝั่งก็มีไม่มากเนื่องจากทีม สิงโตคำราม สามารถเล่นตามเกมอย่างที่พวกเขาต้องการได้โดยทั้งสองฝ่ายส่งบอลเข้ากรอบ 1 ครั้งเท่ากัน แต่ กระทิงดุ ได้สับไกมากกว่า 5:3 ครั้ง

4. หนามยอกเอาหนามบ่ง

สเปน เริ่มครึ่งหลังอย่างน่าเป็นห่วงเมื่อ โรดรี้ มีปัญหาบาดเจ็บ และต้องเปลี่ยนตัวออกให้ มาร์ติน ซูบาเมนดี้ ลงเล่นแทน แต่กลายเป็นว่าพริบตาเดียวหลังเขี่ยบอล ยามาล ซึ่งสลัดหลุด ชอว์ ได้เป็นครั้งแรกของเกมผ่านบอลให้ นิโก้ วิลเลี่ยมส์ ซัดตุงตาข่ายพา กระทิงดุ นำ 1-0 ตั้งแต่นาทีที่ 47

สำหรับประตูนี้ทำให้ดาวเตะทีม แอธเลติก บิลเบา ที่เพิ่งฉลองวันเกิดอายุครบ 22 ปีเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดอันดับสองที่สอยตาข่ายในเกมชิงชนะเลิศฟุตบอล ยูโร ได้ถัดจาก เปียโตร อนาสตาซี่ ดาวเตะ อิตาเลี่ยน ในปี 1968

– 20 ปี 64 วัน เปียโตร อนาสตาซี่ (อิตาลี – ยูโกสลาเวีย , 1868 นัดรีเพลย์)

– 22 ปี 2 วัน นิโก้ วิลเลี่ยมส์ (สเปน – อังกฤษ , 2024)

– 22 ปี 9 วัน ดราแกน ซายิช (ยูโกสลาเวีย – อิตาลี , 1968)

– 22 ปี 69 วัน โคล พาลเมอร์ (อังกฤษ – สเปน , 2024)

อย่างไรก็ดี สถานการณ์บีบให้ เซาธ์เกต ต้องส่งตัวสำรองลงไปแก้เกมอีกตามเคย และปรากฏว่าทีมเมืองผู้ดีทวงสกอร์คืนได้สำเร็จอีกนัดจากจังหวะที่ จู๊ด เบลลิ่งแฮม ป้ายบอลสั้นคืนให้ โคล พาลเมอร์ ตัวสำรองเข่นตีเสมอเป็น 1-1 ซึ่งดาวเตะทีม เชลซี กลายเป็นตัวสำรองรายแรกที่ยิงประตูตีเสมอนัดชิง ยูโร ได้สำเร็จถัดจาก ซิลแว็ง วิลตอร์ ในปี 2000 แถมในวัย 22 ปี 69 วัน พาลเมอร์ เป็นตัวสำรองอายุน้อยที่สุดที่สอยตาข่ายได้ในนัดชิงชนะเลิศ ยูโร ด้วย

ถึงตรงนี้เหมือนว่าสถานการณ์จะเข้าทางทีมชาติ อังกฤษ อีกแล้วเนื่องจากในทัวร์นาเมนต์นี้ไม่ว่าจะเสียประตูก่อนกี่เกมก็ดูเหมือนพวกเขาจะฆ่าไม่ตาย แต่ในที่สุดขณะที่เหลือเวลาอีกสี่นาที สเปน ก็อาศัยตัวสำรองลงไปพังประตูปลิดชีพ ทรี ไลอ้อนส์ ได้เช่นกันเหมือนที่ เซาธ์เกต ทำสำเร็จมาหลายนัดเมื่อ เด ลา ฟวน เต้ ปล่อย มิเกล โอยาร์ซาบาล ลงไปเป็นซูเปอร์ซับโดยไม่เปิดโอกาสให้ทีมเมืองผู้ดีได้เล่นในช่วงต่อเวลาเหมือนที่พวกเขาน่าจะหวังเอาไว้อย่างนั้น

หลังจาก สเปน คว้าแชมป์ ยูโร ได้มากที่สุดเป็นสมัยที่สี่ แถมคราวนี้พวกเขาสร้างสถิติเป็นทีมแรกที่ชนะรวดแบบ 100% ด้วย สถิติหลังเกมเผยว่าทีม กระทิงดุ ครองบอลได้มากกว่าในสัดส่วน 65.1%:34.9% และได้ยิงรวม 16 ครั้งเข้ากรอบ 6 ครั้ง ขณะที่ อังกฤษ ได้ยิง 9 ครั้งเข้ากรอบ 4 ครั้งซึ่งบ่งบอกอยู่ในตัวว่าทีมที่เข้ารอบมาได้แบบถูลู่ถูกังอย่าง ทรี ไลอ้อนส์ ไม่สมควรได้รางวัลตอบแทน

5. บทพิพากษา เซาธ์เกต

ว่ากันตามแทคติก เซาธ์เกต คุมทีมเล่นได้ตามแผนที่เขาตั้งใจเอาไว้ทุกประการในฐานะอดีตกองหลังซึ่งเน้นให้ความสำคัญกับเกมรับมากกว่าเกมรุก

เท่าที่ผ่านมา ทีม สิงโตคำราม จึงไม่สนใจเดินเกมบุกโจมตีใส่ฝ่ายตรงข้าม แต่เน้นเล่นแบบรัดกุมรอโอกาสตะปบเหยื่อซะมากกว่าทั้งๆที่หลายเกมที่เสียประตูให้คู่แข่งก่อน พวกเขาแสดงให้เห็นว่าสามารถเล่นเกมรุกได้ดังจะเห็นถึงการไล่ตีเสมอคู่แข่งได้ทุกเกมหลังจากหันมาเดินหน้าล่าประตู

กระทั่งแมตช์ชิงชนะเลิศกับ สเปน เป็นอีกนัดที่ อังกฤษ ตามตีเสมอได้หลังตาข่ายขาดก่อน และเหมือนว่าฟ้าจะเป็นใจดลบันดาลให้พวกเขาพลิกกลับมาเป็นผู้ชนะในบั้นปลายเหมือนหลายเกมที่ผ่านมา แต่กลายเป็นว่าก่อนหมดเวลาสี่นาที กระทิงดุ ไม่เปิดโอกาสให้ทีมเมืองผู้ดีได้ยื้อไปสู้กันต่ออีกครึ่งชั่วโมง และกำชัยได้เรียบวุธแบบม้วนเดียวจบตั้งแต่เกมเปิดสนามซึ่งเป็นเรื่องสมควรแล้วที่ทีมของ เด ลา ฟวนเต้ จะเป็นผู้ชนะโดย สเปน สร้างสถิติได้แชมป์รายการนี้มากที่สุดเป็นสมัยที่สี่แซงหน้า เยอรมนี ที่ได้แชมป์สามสมัย พร้อมทั้งยัดเยียดให้ เคน ไม่อาจทำลายอาถรรพ์ชวดได้ชูโทรฟี่้ต่อไปอีก

สำหรับ เซาธ์เกต ก่อนหน้านี้มีข่าวเผยว่าเขาจะได้ตำแหน่งท่านเซอร์ไม่ว่าผลการฟาดแข้งที่เบอร์ลินจะออกมาในรูปไหนเนื่องจากเจ้าตัวสำแดงฝีมือพาทีมเข้ารอบลึกรายการใหญ่มาได้โดยตลอด

แต่หลังพลาดท่าเป็นซ้ำสองในเกมชิงดำศึก ยูโร ต้องรอลุ้นกันดูว่าเขาจะได้รับพระราชทานยศอัศวินจริงหรือไม่ แต่ที่แน่ๆชาวอังกฤษหมดสิทธิ์มีวันหยุดพิเศษเพิ่มอย่างแน่นอนแล้วเนื่องจากทีม สิงโตคำราม เป็นได้แค่พระรอง แถมจะไม่มีพิธีฉลองแชมป์ด้วยการแห่โทรฟี่ไปตามกรุงลอนดอนตามที่มีแผนรองรับเอาไว้ล่วงหน้าแต่อย่างใด

ขณะเดียวกัน เอฟเอ จะเสนอสัญญาใหม่ให้กับ เซาธ์เกต คุมทีมต่อไปจนถึง ฟุตบอลโลก ปี 2026 ตามที่สื่อกระพือข่าวจริงหรือ และกุนซือเกมรับจะตัดสินใจลาออกหลังคุมทีมมานานแปดปี หรือว่ายินดีนั่งเก้าอี้ต่อเพื่อขอแก้ตัวอีกสักยกในคราวหน้า

จะอย่างไรก็ตาม หาก เซาธ์เกต ได้นั่งเก้าอี้ตัวสำคัญต่อ สิ่งที่เขาสมควรแก้ไขเป็นอันดับแรกคือทัศนคติในการคุมทีมเนื่องจากนักเตะ ทรี ไลอ้อนส์ มีศักภาพสูงพอที่จะเล่นเกมรุกได้ดีพอๆกับเกมรับ

แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น ต้องยอมรับว่า สเปน คู่ควรที่จะได้ชูโทรฟี่มากกว่า อังกฤษ ซึ่งโดนแฟนบอลโวยใส่มาตลอดตั้งแต่เกมแรกโทษฐานเล่นได้อย่างน่าเบื่อชวนง่วงเป็นที่สุด แถมอย่าลืมว่าพวกเขาน่าจะตกรอบ 16 ทีมไปแล้วด้วยซ้ำหากไม่ได้ประตูตีลังกายิงของ เบลลิ่งแฮม โกงความตายมานับจากนั้น

UFA365 เว็บพนันออนไลน์

UFA365 เว็บพนันออนไลน์


สล็อต365 UFA365 แทงบอล365
UFA365 สมัครฟรี คลิ๊กเลย ➢ https://member.8xufabet.com/register.php?mk=365D
สอบถามเพิ่มเติม 🆔 𝙇𝙄𝙉𝙀 : @ufa365d