เจอร์เก้น คล็อปป์ จะอำลาตำแหน่งผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล หลังจบเกม พรีเมียร์ลีก นัดปิดซีซั่นต้อนรับการมาเยือนของ วูล์ฟส์ ในวันอาทิตย์นี้

กุนซือชาวเยอรมันตัดสินใจปิดฉากการคุมทีม หงส์แดง เป็นเวลาเก้าปีนับตั้งแต่ได้รับตำแหน่งต่อจาก เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เมื่อเดือนต.ค.2015 และถือเป็นเรื่องน่าเสียดายที่ฉากจบของเขากับถิ่น แอนฟิลด์ ไม่เป็นอย่างที่สาวก เดอะ ค็อป วาดหวังไว้เนื่องจาก ทีมดังแห่งเมอร์ซีย์ไซด์ได้สัมผัสกับโทรฟี่ คาราบาวคัพ แค่ใบเดียวทั้งๆที่มีการตั้งเป้าทิ้งทวนความสำเร็จกับบอสคนเก่งมากไปกว่านั้นในตอนแรก

จะอย่างไรก็ตาม ไม่ต้องสงสัยเลยว่า คล็อปป์ ก้าวเข้าสู่ทำเนียบตำนานผู้จัดการทีมของสโมสรไปแล้วหลังพาทีมกลับคืนสู่ความยิ่งใหญ่ได้สำเร็จในฐานะแชมป์ แชมเปี้ยนส์ลีก และ พรีเมียร์ลีก

ด้วยเหตุนี้  ก่อนที่เขาจะลุกจากเก้าอี้ตัวสำคัญ เราจะไปจัดอันดับการเซ็นสัญญาที่ดีที่สุด 10 อันดับแรกของเขาในฐานะนายใหญ่ของทีม เครื่องจักรสีแดง

10. หลุยส์ ดิอาซ (ม.ค.2022 , 47 ล้านปอนด์)

ADVERTISEMENT

อันที่จริง ลิเวอร์พูล มีแผนเซ็นสัญญากับปีกทีมชาติ โคลอมเบีย ในช่วงซัมเมอร์ปี 2022 แต่เป็นเพราะ สเปอร์ส ปราดเข้ามาทาบทามดาวเตะละตินเช่นกันจึงทำให้ หงส์แดง เร่งเวลาคว้า ดิอาซ มาร่วมทีมก่อนกำหนด และแน่นอนว่าอดีตดาวเตะทีม ปอร์โต้ไม่ทำให้สาวก เร้ด แมชีน ต้องผิดหวังในตัวเขา

ดังจะเห็นว่า ดิอาซ ใช้เวลาไม่นานก็สถาปนาตัวเองเป็นจอมลากเลื้อยที่น่าเกรงขามของ พรีเมียร์ลีก จากการลากบอลทางฝั่งซ้ายสร้างความหนักใจให้กับกองหลังฝ่ายตรงข้าม

ADVERTISEMENT

นอกจากนี้ เขายังได้เห็นความรักของแฟนบอล ลิเวอร์พูล ด้วยในช่วงที่คุณพ่อโดนลักพาตัวเมื่อปี 2023 ก่อนที่กลุ่มก่อการร้ายจะยอมปล่อยตัวในที่สุด

9. โฌแอล มาติป (ก.ค.2016 , ฟรี)

อดีตกองหลังทีมชาติ แคเมอรูน นับเป็นนักเตะยอดขวัญใจของสาวาก หงส์แดง อีกราย และได้แชมป์รายการใหญ่กับสโมสรครบครัน

ถึงกระนั้น หลังถูกอาการบาดเจ็บเล่นงาน มาติป หนีไม่พ้นต้องร้างสนามไปอย่างยาวนาน และจะอำลาสโมสรหลังหมดสัญญาในซัมเมอร์นี้ปิดฉากการเป็นขุนพลทีม ลิเวอร์พูล แปดปีนับตั้งแต่ย้ายมาจากทีม ชาลเก้

8.ดีโอโก้ โชต้า (ก.ย.2020 , 41 ล้านปอนด์)

หลายคนช็อกไปตามๆกันตอนที่ ลิเวอร์พูล จ่ายเงินก้อนโตดึงนักเตะที่ยิงได้แค่ 9 ประตูใน พรีเมียร์ลีก ซีซั่นก่อนมาเสริม ทัพ แต่เป็นที่ชัดเจนว่าทีมจาก แอนฟิลด์ ทำการบ้านมาดีโดยเชื่อว่า โชต้า สามารถเป็นกำลังสำคัญของสโมสรได้ภายใต้ระบบการเล่นเพรสซิ่งของ คล็อปป์

อย่างไรก็ตาม ให้น่าเสียดายที่สตาร์ทีมชาติ โปรตุเกส ประสบกับปัญหาบาดเจ็บเล่นงานอย่างต่อเนื่อง หาไม่แล้วเขาจะยิงประตูตอบแทนสโมสรได้มากกว่าที่เป็นไปแน่ แต่ถึงยังไง โชต้า ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาเป็นดาวยิงที่จบสกอร์ได้อย่างเด็ดขาดมากที่สุดคนหนึ่งของ พรีเมียร์ลีก

7. จินี่ ไวจ์นัลดุม (ก.ค.2016 , 23 ล้านปอนด์)

ลิเวอร์พูล อาศัยประโยชน์จากการตกชั้นของ นิวคาสเซิ่ล ดึงดาวเตะทีมชาติ ฮอลแลนด์ มาร่วมทีม และเขาผงาดเป็นนักเตะสารพัดประโยชน์ชั้นยอดของสโมสรที่พาทีมจาก แอนฟิลด์ ประสบความสำเร็จ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก ซีซั่น 2018/19 ซึ่ง ไวจ์นัลดุม กดสองประตูให้ ลิเวอร์พูล พลิกนรกเปิดบ้านสยบ บาร์เซโลน่า 4-0 ในรอบตัดเชือกนัดสองหลังออกไปพ่ายที่ คัมป์นู นัดแรก 3-0 กระทั่ง เร้ด แมชีน พิชิต สเปอร์ส 2-0 ในนัดชิงชนะเลิศก่อนที่เขาจะย้ายไปค้าเกือกกับ เปแอสเช แบบไม่มีค่าตัวในปี 2021

6. ฟาบินโญ่ (ก.ค.2018 , 39 ล้านปอนด์)

หลังต้องใช้เวลาปรับตัวอยู่พักใหญ่ ในที่สุดมิดฟิลด์แซมบ้าก็กลายมาเป็นแกนหลักของ หงส์แดง ภายใต้การกุมบังเหียนของเจ้านายชาวเมืองไส้กรอก

ไม่เพียงเท่านั้น ฟาบินโญ่ ยังได้รับฉายา “ประภาคาร” ด้วยเนื่องจากเขาเหมือนหยั่งรู้ภัยอันตราย และช่วยปกป้องพื้นที่หน้าแผงแบ็คโฟร์ได้อย่างน่ายกย่องถึงขนาดครั้งหนึ่ง คล็อปป์ เคยสรรเสริญพ่อค้าแข้งชาวเมืองกาแฟว่า “เขาเซฟชีวิตของเรา”

5. ซาดิโอ มาเน่ (ก.ค.2016 , 36 ล้านปอนด์)

จากเทคนิคเฉพาะตัวที่สูงส่ง และการเล่นที่มั่นใจในตัวเอง ซาเน่ ใช้เวลาเพียงน้อยนิดก็ทำให้เขาเป็นขวัญใจแฟนบอล เดอะ ค็อป หลังย้ายมาจาก เซาธ์แฮมป์ตัน  แถมคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำปีของสโมสรได้ตั้งแต่ซีซั่นแรกกับ เร้ด แมชีน ด้วย

ขณะเดียวกัน สตาร์ทีมชาติ เซเนกัล โชว์ฟอร์มกับ ลิเวอร์พูล ได้อย่างแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นตัวรุกที่น่ายำเกรงจากการประสานงานร่วมกับ โม ซาลาห์ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มาเน่ มักสร้างชื่อในเกมสำคัญได้เสมอก่อนย้ายไปร่วมทีม บาเยิร์น ในปี 2022

4. อลิสซง (ก.ค.2018 , 55.5 ล้านปอนด์)

การปราศจากผู้รักษาประตูระดับเวิลด์คลาสส่งผลให้ ลิเวอร์พูล พลาดการคว้าถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก ซีซั่น 2017/18 ในที่สุดพวกเขาจึงลงทุนกับตำแหน่งดังกล่าวด้วยการคว้า อลิสซง มาเฝ้าเสาด้วยค่าตัวนายทวารที่เป็นสถิติโลกในเวลานั้น และแน่นอนว่ามือกาวทีมชาติ บราซิล พิสูจน์ให้เห็นถึงความคุ้มค่าเงินทุกเพนนีจากการโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่น

“จิตใจของเขายิ่งใหญ่มาก” คล็อปป์ กล่าวยกย่องจอมหนึบชาวแซมบ้าหลังจากยอดนายทวารระเบิดฟอร์มผ่านบอลยาวทำแอสซิสต์ได้อย่างน่าทึ่ง

3. แอนดี้ โรเบิร์ตสัน (ก.ค.2017 , 10 ล้านปอนด์)

ถูกดึงตัวให้มาแย่งตำแหน่งกับ อัลเบร์โต้ โมเรโน่ แต่ไม่เพียงแบ็คซ้ายทีมชาติ สกอตแลนด์ จะสร้างชื่อกับ ลิเวอร์พูล ได้เท่านั้น หากเขายังเป็นหนึ่งในฟูลแบ็คที่ดีที่สุดในโลกด้วยเช่นกัน

นอกจากจะเล่นเกมรับได้อย่างแข็งแกร่งแล้ว โรเบิร์ตสัน เติมเกมรุกได้อย่างฉกาจฉกรรจ์เช่นเดียวกับ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ แบ็คขวาร่วมสโมสร และถือเป็นการเซ็นสัญญาที่คุ้มค่าที่สุดอีกดีลของ คล็อปป์

2. เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ (ม.ค.2018 , 75 ล้านปอนด์)

แรกทีเดียว กูรูหลายรายมองว่า ลิเวอร์พูล จ่ายแพงเกินจริงหลังคว้าเซ็นเตอร์ฮาล์ฟทีม เซาธ์แฮมป์ตัน มาร่วมชายคาหลังพลาดได้ตัวสตาร์ทีมชาติ ฮอลแลนด์ ในช่วงซัมเมอร์ปี 2017 จนถึงกับยอมจ่ายเงินเป็นสถิติโลกสำหรับกองหลัง

กระนั้นก็ดี ฟาน ไดค์ แสดงให้เห็นถึงความสำคัญที่มีต่อสโมสร และพาทีมคว้าแชมป์ แชมเปี้ยนส์ลีก และ พรีเมียร์ลีก เป็นผลสำเร็จ แถมได้เสียงโหวตอันดับสองของการแจกรางวัล บัลลงดอร์ ปี 2019 ด้วย ก่อนได้รับตำแหน่งกัปตันหลังจาก จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ย้ายออกไปในปี 2023

1. โม ซาลาห์ (ก.ค.2017 ,44 ล้านปอนด์)

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ซาลาห์ ไม่ได้เป็นแค่หนึ่งในการเซ็นสัญญาที่ดีที่สุดของ ลิเวอร์พูล เท่านั้น แต่เขายังเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ พรีเมียร์ลีก เช่นกันแม้จะสร้างชื่อกับ เชลซี ไม่ได้ในยุคของ โชเซ่ มูรินโญ่ และหันไปวาดลวดลายใน เซเรียอา กับ ฟิออเรนติน่า และ โรม่า ก่อนกลับมาประกาศศักดากับสังเวียนแข้ง แอนฟิลด์

เพียงแค่ซีซั่นแรกกับ หงส์แดง ปีกทีมชาติ อียิปต์ ก็ยิงประตูเป็นว่าเล่น และถึงตอนนี้เขาขยับขึ้นมาเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลอันดับห้าของสโมสรแล้ว